DIY เครื่องฟอกอากาศทำเอง ใช้ได้จริงหรือไม่? เปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ Bwell และ เครื่องฟอกอากาศ DIY

ในยุคที่ฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะในอากาศกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การมีเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม ราคาของเครื่องฟอกอากาศในท้องตลาดอาจทำให้หลายคนมองหาทางเลือกที่ถูกกว่า นั่นคือ “เครื่องฟอกอากาศ DIY” หรือการทำเครื่องฟอกอากาศด้วยตัวเอง แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ประหยัด แต่คำถามที่สำคัญคือ เครื่องฟอกอากาศ DIY ใช้ได้จริงหรือไม่? และมีความปลอดภัยต่อสุขภาพหรือไม่? ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ DIY กับเครื่องฟอกอากาศคุณภาพ เช่น เครื่องฟอกอากาศ Bwell เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

เครื่องฟอกอากาศ DIY คืออะไร

เครื่องฟอกอากาศ DIY คือ เครื่องฟอกอากาศที่ผู้ใช้ทำขึ้นเอง โดยใช้วัสดุพื้นฐานที่หาได้ง่าย เช่น พัดลมตั้งโต๊ะ แผ่นกรอง HEPA และวัสดุอื่น ๆ ที่สามารถหาได้ในร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เครื่องฟอกอากาศ DIY มักจะประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก เช่น พัดลมที่ใช้ในการดูดอากาศ และแผ่นกรอง HEPA ที่ใช้ดักจับฝุ่นและสารพิษ เนื่องจากส่วนประกอบที่ไม่ซับซ้อน ทำให้เครื่องฟอกอากาศ DIY ส่วนใหญ่มีราคาถูกกว่าการซื้อเครื่องฟอกอากาศสำเร็จรูป เพราะผู้ใช้สามารถเลือกวัสดุหรืออุปกรณ์ที่มีอยู่ในบ้านมาใช้ได้ เช่น พัดลมเก่า ๆ หรือแผ่นกรองที่ซื้อจากร้านวัสดุอุปกรณ์ทั่วไป ทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีแบรนด์

หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ DIY

หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ DIY นั้นไม่ซับซ้อน โดยพื้นฐานแล้วจะมีการใช้พัดลมเพื่อดูดอากาศจากห้องหรือพื้นที่ที่ต้องการฟอกอากาศ ผ่านแผ่นกรองที่ติดตั้งอยู่ในตัวเครื่อง โดยที่แผ่นกรองจะทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่มีในอากาศ ซึ่งมักจะเป็นแผ่นกรอง HEPA ที่ถูกติดตั้งอยู่บนพัดลม เมื่อพัดลมดูดอากาศผ่านแผ่นกรอง ฝุ่นละอองและมลพิษจะถูกดักจับไว้ หลักการนี้ดูเหมือนจะง่ายและตรงไปตรงมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องฟอกอากาศ DIY อาจมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น การกรองที่ไม่ครอบคลุมทุกประเภทมลภาวะ ความไม่แน่นอนในการทำงาน และการขาดฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ที่เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงสามารถให้ได้

เครื่องฟอกอากาศ DIY มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่

แม้ว่าการใช้แผ่นกรอง HEPA กับพัดลมจะช่วยกรองอากาศได้ในระดับหนึ่ง แต่เครื่องฟอกอากาศ DIY มีข้อจำกัดหลายประการที่ทำให้ไม่สามารถให้ประสิทธิภาพสูงเท่ากับเครื่องฟอกอากาศที่ผลิตจากโรงงาน อาทิ

ระบบการกรองอากาศไม่ครบวงจร

เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง เช่น เครื่องฟอกอากาศ Bwell มักมีระบบการกรองหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการกรองฝุ่น การกำจัดกลิ่น หรือการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศ DIY มักมีแค่การกรองฝุ่นเพียงอย่างเดียว

ประสิทธิภาพการกรองที่ไม่แน่นอน

แม้จะใช้แผ่นกรอง HEPA แต่หากติดตั้งแผ่นกรองไม่แน่นหรือพัดลมที่ใช้ไม่มีแรงดูดพอ การกรองอากาศก็อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศ DIY ไม่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับมลภาวะ ทำให้ไม่สามารถปรับการทำงานตามสภาพอากาศได้เหมือนกับเครื่องฟอกอากาศ Bwell ที่มีระบบ Auto ตรวจจับมลพิษและปรับการทำงานอัตโนมัติ

การกระจายอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ

เครื่องฟอกอากาศ DIY ใช้พัดลมธรรมดาที่ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการฟอกอากาศ ทำให้การกระจายอากาศไม่ทั่วถึงและไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ได้

ไม่มีการรับรองมาตรฐาน

เพราะเครื่องฟอกอากาศ DIY เป็นอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ประกอบขึ้นเอง จึงไม่มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพการใช้งานเหมือนกับเครื่องฟอกอากาศที่ผ่านการรับรองจากผู้ผลิต และไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเท่ากับเครื่องฟอกอากาศที่มีการผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญ และอาจมีข้อจำกัดทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งาน

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากเครื่องฟอกอากาศ DIY

การ DIY เครื่องฟอกอากาศเองอาจดูเป็นวิธีที่ประหยัด แต่กลับมีความเสี่ยงในหลายด้านทั้งความปลอดภัยและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น

ความเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจร

การประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยตัวเองโดยไม่มีความรู้หรืออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ประสิทธิภาพการกรองอากาศที่ไม่เพียงพอ

เครื่องฟอกอากาศ DIY อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และไม่อาจกรองฝุ่น PM 2.5 และสารพิษอื่น ๆ ได้ ทำให้มลพิษเหล่านี้ยังคงลอยอยู่ในอากาศ ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือมีปัญหาทางเดินหายใจ

เสียงรบกวนและค่าไฟที่เพิ่มขึ้น

พัดลมธรรมดาที่ใช้ในเครื่องฟอกอากาศ DIY มักมีเสียงดังและใช้พลังงานมาก ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นในระยะยาว และยังสร้างความรำคาญจากการใช้งานได้

เปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ Bwell และ เครื่องฟอกอากาศ DIY

เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างเครื่องฟอกอากาศ DIY และเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงอย่าง Bwell เราจะมาเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ Bwell และ เครื่องฟอกอากาศ DIY ให้เห็นชัด ๆ ว่าแตกต่างกันอย่างไร

ระบบการกรอง

เครื่องฟอกอากาศ Bwell มาพร้อมกับระบบการกรองอากาศหลายขั้นตอน เช่น แผ่นกรอง HEPA, Activated Carbon, และการใช้แสง UV ในการฆ่าเชื้อ ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศ DIY มักมีเพียงการกรองชั้นเดียว ซึ่งไม่เพียงพอต่อการกำจัดสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคที่อาจลอยอยู่ในอากาศ

ความปลอดภัย

เครื่องฟอกอากาศ Bwell ผ่านการทดสอบและได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศ DIY ไม่มีการทดสอบใด ๆ ทำให้ผู้ใช้อาจเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรหรือการใช้งานที่ไม่ปลอดภัย

ประสิทธิภาพการทำงาน

เครื่องฟอกอากาศ Bwell มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับมลภาวะที่สามารถปรับการทำงานตามสภาพอากาศได้อัตโนมัติ ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศ DIY ไม่สามารถตรวจจับและปรับการทำงานตามสภาพแวดล้อมได้ ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับเอง และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ที่มีฝุ่นละอองสูง

การรับประกันและบริการหลังการขาย

เครื่องฟอกอากาศ Bwell มาพร้อมกับการรับประกันสูงสุดถึง 5 ปี และบริการหลังการขายที่รวดเร็วตลอดอายุการใช้งาน ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศ DIY ไม่มีการรับประกันใด ๆ หากเครื่องเสียหาย ผู้ใช้จะต้องรับผิดชอบซ่อมแซมเองทั้งหมด

การใช้งานที่สะดวกสบาย

เครื่องฟอกอากาศ Bwell มีฟีเจอร์มากมาย เช่น ระบบ Auto Mode, Sleep Mode, การเชื่อมต่อแอปพลิเคชันเพื่อควบคุมจากระยะไกล ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศ DIY ไม่มีฟังก์ชันเหล่านี้ ทำให้การใช้งานไม่สะดวกเท่ากับเครื่องฟอกอากาศที่ผ่านการออกแบบมาอย่างดี

สรุป การทำเครื่องฟอกอากาศ DIY

การทำเครื่องฟอกอากาศ DIY อาจดูเป็นวิธีที่ประหยัดในระยะสั้น แต่เมื่อพิจารณาถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งานแล้ว การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพ เช่น เครื่องฟอกอากาศ Bwell กลับเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างชัดเจน เครื่องฟอกอากาศ DIY อาจไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือสารพิษในอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่สั้นกว่าเครื่องฟอกอากาศที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพสูงและผ่านการทดสอบมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอากาศในบ้านของคุณจะสะอาด ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน