ในยุคที่มลภาวะและฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาสุขภาพใกล้ตัว การใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อรักษาคุณภาพอากาศในบ้านหรือที่ทำงานถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่หลายคนอาจกังวลว่าการใช้เครื่องฟอกอากาศจะทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น จริงๆ แล้ว เครื่องฟอกอากาศไม่ได้กินไฟมากจนเกินไปหากมีการใช้งานอย่างเหมาะสม ร่วมกับการใช้ฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดพลังงาน วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีประหยัดไฟในการใช้เครื่องฟอกอากาศ รวมถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณหายใจอย่างมั่นใจด้วยอากาศสะอาดและประหยัดพลังงานในเวลาเดียวกัน ทำให้คุณสามารถใช้เครื่องฟอกอากาศได้อย่างคุ้มค่าและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟที่สูงเกินไปอีกต่อไป
หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ
หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศนั้นประกอบด้วยขั้นตอนหลักที่ช่วยให้เราได้อากาศที่สะอาดและปลอดภัยจากมลพิษต่าง ๆ โดยการทำงานเริ่มต้นจากการดูดอากาศที่มีฝุ่นละออง ควัน และสารพิษเข้าไปยังตัวเครื่อง ผ่านระบบกรองที่ประกอบด้วยหลายขั้นตอน
- การดูดอากาศ
เครื่องฟอกอากาศจะดูดอากาศจากภายในห้องเข้าไปยังตัวเครื่อง โดยผ่านช่องดูดที่มักจะอยู่ที่ด้านข้างหรือด้านหน้า
- การกรองอากาศ
เมื่ออากาศถูกดูดเข้าไปในเครื่อง จะผ่านแผ่นกรองหลายประเภท เช่น
- แผ่นกรอง HEPA ที่ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM2.5 ได้ถึง 99.97%
- แผ่นกรองคาร์บอน ที่ดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารเคมีอันตราย เช่น ควันบุหรี่และฟอร์มาลดีไฮด์
- แผ่นกรอง UV-C หรือ แสง UV ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคหรือไวรัสที่อาจลอยอยู่ในอากาศ
- การปล่อยอากาศสะอาด
หลังจากที่อากาศผ่านกระบวนการกรองแล้ว อากาศที่สะอาดและปราศจากมลพิษจะถูกปล่อยออกมาในห้อง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศภายในดีขึ้นและปลอดภัยสำหรับการหายใจ
นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นยังมีฟังก์ชันเสริม เช่น การตรวจจับมลพิษ (Pollution Sensor) ที่ช่วยปรับการทำงานของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในขณะนั้น หรือการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันที่สะดวกสบาย ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก
ฟังก์ชันของเครื่องฟอกอากาศช่วยประหยัดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันมาพร้อมกับฟังก์ชันและโหมดการทำงานที่ช่วยให้การใช้งานมีความคุ้มค่าและประหยัดไฟได้มากขึ้น โดยฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดพลังงานมีดังนี้
- Auto Mode
เครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมกับโหมด Auto Mode จะช่วยให้เครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ ระบบนี้สามารถตรวจจับระดับคุณภาพอากาศในห้องและปรับระดับความแรงของพัดลมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยโหมด Auto จะไม่ทำให้เครื่องฟอกอากาศต้องทำงานที่ความเร็วสูงตลอดเวลา ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศอีกด้วย
- Sleep Mode
โหมด Sleep เป็นฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับการใช้งานตอนกลางคืน เนื่องจากจะปรับลดระดับเสียงของเครื่องฟอกอากาศให้เบาลง พร้อมกับปรับการทำงานของเครื่องให้เป็นไปในระดับที่ช่วยให้การกรองอากาศยังคงมีประสิทธิภาพแต่ใช้พลังงานน้อยที่สุด โหมดนี้ช่วยให้การใช้งานเครื่องฟอกอากาศในเวลากลางคืนไม่รบกวนการนอนหลับของคุณและช่วยประหยัดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Timer
ฟังก์ชัน Timer สามารถช่วยให้คุณตั้งเวลาเปิดและปิดเครื่องฟอกอากาศได้ตามความต้องการ เช่น การตั้งเวลาให้เครื่องทำงานเฉพาะในช่วงที่มีมลพิษในอากาศสูง หรือการตั้งเวลาปิดเครื่องฟอกอากาศในช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน เช่น ตอนกลางคืนหรือช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้าน การตั้งเวลาปิดการทำงานจะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศไม่ทำงานเกินความจำเป็นและประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ดี
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อประหยัดไฟในการใช้เครื่องฟอกอากาศ
- เลือกสถานที่ติดตั้งที่เหมาะสม
การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ที่มีการไหลเวียนของอากาศดีจะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินไป หลักการง่าย ๆ คือการหลีกเลี่ยงการวางเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป เช่น ใกล้กับเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อน ซึ่งจะทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานหนักเกินความจำเป็น
- ทำความสะอาดและบำรุงรักษาเครื่องฟอกอากาศเป็นประจำ
การทำความสะอาดแผ่นกรองของเครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากแผ่นกรองสกปรก จะทำให้เครื่องต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองฝุ่นละอองและมลพิษ ซึ่งจะทำให้เครื่องใช้พลังงานมากขึ้น ในการดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศนั้น ควรทำความสะอาดแผ่นกรองตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรืออย่างน้อยทุก ๆ 1-2 เดือน หรือทุกครั้งที่พบว่ามีฝุ่นเกาะบนแผ่นกรองมากเกินไป
- การใช้งานเครื่องฟอกอากาศในห้องขนาดเหมาะสม
การเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับขนาดห้องก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเครื่องฟอกอากาศมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับห้องขนาดเล็ก เครื่องจะทำงานหนักเกินความจำเป็น ซึ่งจะสิ้นเปลืองพลังงาน แต่หากเครื่องมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับห้องขนาดใหญ่ ก็จะทำให้เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นการเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับขนาดห้องจะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้
สรุป
การใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้านหรือสำนักงานไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณหายใจในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศที่สะอาดและปลอดภัยจากฝุ่นละอองและสารพิษ แต่ยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟได้หากใช้งานอย่างถูกวิธี โดยการเลือกฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดไฟ เช่น Auto Mode, Sleep Mode และ Timer รวมถึงการทำความสะอาดแผ่นกรองเป็นประจำและการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในสถานที่ที่เหมาะสม จะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดไฟได้มากขึ้น ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดไฟและดูแลรักษาเครื่องให้ดี จะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าจากการใช้งานเครื่องฟอกอากาศสูงสุด
-
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส รุ่น AP-H3029US25,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส รุ่น CF-80056,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศไวรัส รุ่น CF-842817,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ รุ่น G94,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส รุ่น AP-8119US11,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส รุ่น AP-P4019US32,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-H2219SProduct on sale6,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-M1536SProduct on sale3,990฿
-
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส รุ่น CF-842817,990฿