เครื่องฟอกอากาศ กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านที่ต้องมี ในยุคที่มลพิษและฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยกรองอากาศให้บริสุทธิ์ แล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นไหนดี ที่เหมาะกับความต้องการของคุณ ในราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงมาก เรามีคำตอบ เครื่องฟอกอากาศมีกี่แบบ อะไรบ้าง
เครื่องฟอกอากาศ ถือเป็นไอเทมที่ต้องมีติดบ้านเอาไว้ หรือแม้แต่ในออฟฟิศก็ตาม เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ ช่วยให้เราได้สูดอากาศอย่างสดชื่น สบายใจ ไร้มลพิษ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศก็มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีหลักการกรองอากาศที่แตกต่างกัน มาดูกันว่า เครื่องฟอกอากาศมีกี่แบบ และแต่ละแบบเป็นอย่างไรบ้าง
1. เครื่องฟอกอากาศแบบแผ่นกรอง
เครื่องฟอกอากาศแบบแผ่นกรองเป็นประเภทที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป โดยลักษณะการทำงานของเครื่องฟอกอากาศประเภทนี้คือจะมีแผ่นกรองหลายชั้นเรียงซ้อนกัน แต่ละชั้นทำหน้าที่กรองอากาศที่แตกต่างกัน เช่น แผ่นกรองดักฝุ่นละอองขนาดใหญ่ แผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงฝุ่น PM 2.5 แผ่นกรองคาร์บอน กรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นต้น
2. เครื่องฟอกอากาศแบบไอออน
เครื่องฟอกอากาศแบบไอออนจะปล่อยไอออนลบออกมา ซึ่งจะจับตัวกับฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศอื่น ๆ ทำให้ฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศเหล่านั้นตกลงสู่พื้นหรือผนังได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หากใครใช้เครื่องฟอกอากาศประเภทนี้อย่าลืมดูดฝุ่นหรือถูพื้น เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกไปด้วยนะ
3. เครื่องฟอกอากาศแบบโอโซน
เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้ ใช้วิธีปล่อยโอโซนเพื่อกำจัดฝุ่นและฆ่าเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม ก๊าซโอโซนเป็นสารพิษต่อร่างกาย หากได้รับมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองตา และหายใจลำบาก
4. เครื่องฟอกอากาศแบบ UV
เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้ ใช้วิธีปล่อยรังสี UV ออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
เครื่องฟอกอากาศมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีหลักการกรองอากาศที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการแบบไหน
How to การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ เลือกจากอะไร
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี คุณควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็น
1. ขนาดห้อง
ขนาดของห้อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ เพราะว่าเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะมีอัตราการกรองอากาศที่ระบุไว้อย่างชัดเจน คุณสามารถคำนวณขนาดห้อง และเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีอัตราการกรองอากาศเพียงพอสำหรับห้องของคุณ
2. อัตราการกรองอากาศ
กล่าวคือ ปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถกรองได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเครื่องฟอกอากาศทั่วไปจะมีอัตราการกรองอากาศอยู่ที่ 20-30 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m3/h) สำหรับห้องขนาด 20 ตารางเมตร แนะนำให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีอัตราการกรองอากาศอย่างน้อย 200 m3/h
3. เทคโนโลยีการกรองอากาศ
เทคโนโลยีการกรองอากาศของเครื่องฟอกอากาศมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติในการกรองอากาศที่แตกต่างกัน คุณสามารถพิจารณาเลือกเทคโนโลยีการกรองอากาศที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
4. ราคาของเครื่องฟอกอากาศ
ราคาของเครื่องฟอกอากาศมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งเครื่องฟอกอากาศรุ่นไหนดี หรือ เครื่องฟอกอากาศที่นิยม สามารถศึกษาได้จากรีวิวต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามคุณสามารถพิจารณาเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ
เลือกเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยกรองอากาศ ในราคาที่จับต้องได้
เครื่องฟอกอากาศ Bwell เป็น เครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้ เพราะมีจุดเด่นในด้านระบบการฟอกอากาศ ที่สามารถกรองฝุ่น ฆ่าแบคทีเรีย ได้สูงถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ Bwell มีเครื่องฟอกอากาศหลากหลายรูปแบบ ที่เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน ออกแบบมาเพื่อบุคคลทั่วไป ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน รวมถึงใส่ใจต่อผู้ใช้งานที่ต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ เช่น ทารก เด็ก รวมถึง ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ นอกจากนี้ Bwell ยังมีชั้นกรอง Zeolite และ Potassium Permanganate ที่จะดักจับและทำลายสารฟอร์มาลดีไฮด์ อัลดีไฮด์ เป็นสารระเหยที่มักพบ ในงานผลิต เฟอร์นิเจอร์ ตู้ เตียง ซึ่งสารทั้ง 2 เป็นสารก่อภูมิแพ้ทำให้ระคายเคืองตา ผิวหนัง จมูกและคอ อีกด้วย แล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นไหนดี ที่เหมาะสำหรับคุณ เราขอแนะนำ
1. Bwell เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-M1536S
เป็นเครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้ในบ้าน โดยเฉพาะห้องขนาด 45 ตารางเมตร เครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่น AP-M1536S มีระบบฟอกอากาศ 3 ขั้นตอนช่วยกรองฝุ่น PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสร ขนสัตว์ กลิ่นไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมี Pollution Sensor แสดงค่า PM2.5 เป็นสี ตั้งเวลาปิดได้ถึง 8 ชั่วโมง
2. Bwell เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-P4019US
เป็นเครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้ในบ้านอีกหนึ่งรุ่นที่แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่น AP-P4019US ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 120 ตารางเมตร มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อไวรัสในอากาศด้วยแสง UV-C ช่วยดูดซับก๊าซพิษ สามารถเชื่อมต่อ WIFI ควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Smartlife มี Pollution Sensor แสดงค่า PM2.5 เป็นตัวเลข มีระบบ Auto ตรวจจับมลพิษและปรับการทำงานอัตโนมัติ
และนี่คือ เครื่องฟอกอากาศที่ช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ที่ควรมีติดบ้าน ในยุคที่มลพิษทางอากาศมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องบอกว่า เครื่องฟอกอากาศมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีหลักการกรองอากาศที่แตกต่างกัน ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของบ้าน เทคโนโลยีการกรองอากาศ เพื่อให้คุณเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับห้องของคุณ และคุ้มค่ากับราคานั่นเอง