ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ภัยร้ายคู่คนกรุงเทพฯ สถิติชี้ชัดเทียบเท่าการสูบบุหรี่ถึง 1,224 มวน!

ปัจจุบันปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือปัญหาที่คนกรุงเทพฯ และคนไทยหลายคนต้องเผชิญในทุกปี โดยปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ หรือเกิดจากการก่อสร้างทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งฝุ่นร้ายตัวจิ๋วนี้ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพไม่ต่างกับการสูบบุหรี่หรือควันบุหรี่มือสองเลยทีเดียว เนื่องจากฝุ่นมีอนุภาคขนาดเล็กมากจนสามารถเดินทางผ่านระบบทางหายใจเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย อันเป็นสาเหตุร้ายของการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจและระบบทางเดินหายใจ

ฝุ่นร้าย PM 2.5 คืออะไร ทำไมคนกรุงเทพฯ ควรจับตาปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในปี 2565

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร คำตอบก็คือฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือไมโครเมตร ด้วยความที่มีขนาดเล็กมากจึงยากต่อการมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่ถ้ามีการจับตัวเป็นกลุ่มในปริมาณมากในอากาศ เราก็จะสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ดูคล้ายกับหมอกพิษในอากาศ โดยจากข้อมูลอ้างอิงบนเว็บไซต์ The World Air Quality Index Project และอ้างอิงค่าระดับคุณภาพอากาศของค่าปัญหาฝุ่น PM2.5 จากข้อเสนอของกรีนพีซ พบว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีสภาพอากาศที่ปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสีเขียวเพียง 49 วันเท่านั้น ในขณะที่คุณภาพของอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (สีเหลือง) อีก 261 วัน เกณฑ์สีส้มที่ชี้วัดว่าคุณภาพของอากาศเริ่มส่งผลร้ายต่อกลุ่มที่มีสัมผัสไวต่อมลพิษจำนวน 52 วัน และคุณภาพของอากาศอยู่ในเกณฑ์สีแดง ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ขั้นวิกฤต) จำนวน 3 วัน

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 VS การสูบบุหรี่

เชื่อว่าทุกคนทราบถึงความร้ายแรงและโทษของการสูบบุหรี่และสูดรับควันบุหรี่มือสองกันไปแล้วใช่ไหม แล้วปัญหาฝุ่น PM 2.5 คืออะไร ร้ายแรงถึงขั้นกับการสูบบุหรี่เลยหรือ ตามข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ The World Air Quality Index Project และงานของ Richard A. Muller นักวิจัยชื่อดังจากสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้คำนวณและเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยอ้างอิงจากค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงในแต่ละวันของปี 2565 พบว่า ถ้าค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เท่ากับการสูบบุหรี่ 1 มวน การสูดรับฝุ่น PM 2.5 ในอากาศกรุงเทพฯ ก็เหมือนคุณสูบบุหรี่ไปถึง 1,244.77 มวนต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขบ่งชี้ตรงนี้ถือเป็นการชี้เป้าแสดงให้เห็นถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ เข้าขั้นวิกฤตและเป็นอันตรายแล้วจริง ๆ แม้ว่าคุณจะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม แต่คุณก็มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือแม้กระทั่งมะเร็งได้ไม่ยากเลยหากไร้ซึ่งการป้องกัน

สร้างอากาศดีบริสุทธิ์ในบ้านด้วย ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ป้องกันได้ทั้งบุหรี่และปัญหาฝุ่น PM 2.5

แม้ว่ารัฐบาลไม่นิ่งดูดายปัญหาฝุ่น PM 2.5 พยายามแก้ไขปัญหานี้แล้วก็ตาม แต่ทุกคนก็ควรเริ่มต้นดูแลตนเองและครอบครัวด้วย ซึ่งตัวช่วยที่ดีที่คนกรุงเทพฯ ควรมีติดบ้านไว้ ต้องยกให้กับ ‘เครื่องฟอกอากาศ Bwell’ นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยในการกรองอากาศ 7 ขั้นตอน ดักจับสิ่งสกปรกได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเศษฝุ่นขนาดเล็ก เชื้อไวรัสแบคทีเรีย เชื้อไวรัสโคโรน่า ไรฝุ่น ก๊าซพิษ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และรวมถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเครื่องฟอกอากาศ Bwell จะดูดอากาศรอบ ๆ ตัวเข้ามากรองสิ่งสกปรกออกได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ และปิดท้ายด้วยกระบวนการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียจากนวัตกรรมสุดล้ำ Virus Killer Triple Action เอกลักษณ์ของเครื่องฟอกอากาศ Bwell ทุกรุ่น ทำให้อากาศที่ปล่อยออกมามีความสะอาดบริสุทธิ์ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร ลืมไปได้เลยถ้ามีเครื่องฟอกอากาศ Bwell สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.bwell.co.th