ไส้กรองน้ำ ATS ยี่ห้อ Bwell รุ่น AICSN-H3-Y03D
- กรองกลิ่น คลอรีน สารอินทรีย์ และปรับรสชาติน้ำ
- อายุการใช้งาน 8-14 เดือน
- ขนาด 105x105x345 มม.
- น้ำหนัก 1.25 กก.
ไส้กรองน้ำ ATS ยี่ห้อ Bwell รุ่น AICSN-H3-Y03D
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องกรองน้ำ Water Purifier
เครื่องฟอกอากาศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Air Purifier หรือ Air Cleaner เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อกรองอากาศภายในห้องหรือพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีหน้าที่หลักในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อให้อากาศสะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น
ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ
ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม
คำแนะนำในการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
การใช้งานเครื่องฟอกอากาศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ใช้งานควรตั้งค่าและเลือกโหมดการทำงานให้เหมาะสม โดยพิจารณาตามสภาพแวดล้อมในการใช้งานร่วมด้วย เช่น โหมดอัตโนมัติที่ปรับระดับการทำงานตามคุณภาพอากาศ หรือโหมดเงียบสำหรับการนอนหลับ รวมถึงการตรวจสอบและเปลี่ยนแผ่นกรองเป็นประจำก็เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ
การดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศ
ผู้ใช้งานควรทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศทั้งภายในและภายนอก โดยให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นและคราบสกปรกจากตัวเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความสะอาดและความสวยงามของเครื่อง และควรทำความสะอาดแผ่นกรองชั้นนอกทุก ๆ 2 สัปดาห์ หากใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นกำจัดฝุ่นหยาบ และหลีกเลี่ยงการใช้แปรงหรือเครื่องมือที่อาจทำให้เส้นใยเสียหาย ที่สำคัญ อย่าลืมเปลี่ยนแผ่นกรอง HEPA และแผ่นกรองคาร์บอนเมื่อใช้งานครบกำหนดระยะเวลาด้วย โดยควรเปลี่ยนทุก 6 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและประสิทธิภาพที่ลดลง แผ่นกรองชั้นนอกสามารถทำความสะอาดได้ แต่แผ่นกรอง HEPA ควรทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นเท่านั้น
โดยทั่วไป แผ่นกรองเครื่องฟอกอากาศ HEPA ควรเปลี่ยนทุก ๆ 6 ถึง 12 เดือน แผ่นกรองคาร์บอนควรเปลี่ยนทุกปี รวมถึงแผ่นกรองชั้นนอกควรถอดทำความสะอาดทุก ๆ 2 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละวันด้วย ผู้ใช้งานสามารถสังเกตจากสัญญาณแจ้งเตือนให้เปลี่ยนแผ่นกรองจากสัญลักษณ์เตือนบนเครื่องฟอกอากาศได้เช่นกัน
ประเภทของเครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศมีหลายประเภทตามเทคโนโลยีการกรองอากาศ แต่หลัก ๆ มีดังนี้:
เครื่องฟอกอากาศแบบ HEPA Filter เป็นหนึ่งในประเภทที่นิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืด เนื่องจากสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน โดยมีประสิทธิภาพในการกรองอย่างน้อย 99.97 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรวมถึงฝุ่น PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย และไวรัส HEPA Filter มีหลายเกรด เช่น H12 H13 และ H14 โดยเกรดที่สูงขึ้นจะมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาดเล็กมากขึ้น นอกจากนี้ HEPA Filter ยังใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาดสูง ตามโรงพยาบาลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
เครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้สำหรับดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารเคมีในอากาศ เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร และกลิ่นอับชื้น แผ่นกรองคาร์บอนมักใช้ร่วมกับแผ่นกรอง HEPA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นและสารเคมี เหมาะสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือมีปัญหากลิ่นรบกวน
เครื่องฟอกอากาศที่ใช้แสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสในอากาศ เทคโนโลยีนี้มักใช้ร่วมกับแผ่นกรอง HEPA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค
เครื่องฟอกอากาศประเภทที่ปล่อยประจุลบ เพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็กในอากาศ ทำให้อนุภาคเหล่านั้นตกลงสู่พื้น แต่ก็มีข้อเสียที่ผู้ใช้งานอาจต้องทำความสะอาดพื้นและเฟอร์นิเจอร์บ่อยขึ้น และต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ไม่ปล่อยโอโซนมากเกินไป เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน
เครื่องฟอกอากาศที่ใช้โอโซนในการฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่น แต่ควรใช้หลังจากที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง เนื่องจากโอโซนอาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจหากใช้ในปริมาณที่สูงเกินไป
เครื่องฟอกอากาศที่ผสมผสานเทคโนโลยีหลายแบบเข้าด้วยกัน ทั้ง HEPA Activated Carbon และ UV เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการกรองอากาศ โดย HEPA จะช่วยกรองฝุ่น Activated Carbon ช่วยดูดซับกลิ่น และ UV ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส เพื่อให้การฟอกอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด
เครื่องฟอกอากาศเหมาะกับใคร?
เครื่องฟอกอากาศเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการอากาศสะอาดขึ้น แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนต่อไปนี้
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
การเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ที่เหมาะสม คือเปิดเมื่อคุณภาพอากาศไม่ดี เช่น มีฝุ่นละออง PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน หรือเมื่อมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร หรือกลิ่นอับชื้น เมื่อมีสัตว์เลี้ยงที่อาจก่อให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงในช่วงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่มีละอองเกสรดอกไม้มากขึ้น หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหอบหืด การเปิดเครื่องฟอกอากาศจะสามารถช่วยลดอาการภูมิแพ้ให้กับคนที่คุณรักได้ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศตลอดทั้งวัน แต่ในกรณีที่หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีมลภาวะสูงหรือมีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง การเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอดทั้งวันจะช่วยให้อากาศสะอาดและปลอดภัยต่อทุกคนในครอบครัว อย่างไรก็ตาม หากไม่มีใครอยู่ในห้อง ควรปิดเครื่องฟอกอากาศเพื่อประหยัดพลังงานในการใช้งาน
พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับวางเครื่องฟอกอากาศ คือพื้นที่โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง ควรห่างจากผนังและมุมห้องอย่างน้อย 20 ถึง 30 เซนติเมตร และสูงจากพื้นประมาณ 3 ถึง 5 ฟุต เพื่อให้อากาศไหลเวียนของอากาศสะดวก และช่วยให้เครื่องฟอกอากาศสามารถดูดอากาศโดยรอบได้ครอบคลุมมากที่สุด
หากต้องการ แก้ปัญหาฝุ่นในอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 ไรฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA-13 (High-Efficiency Particulate Air) เนื่องจากสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องฟอกอากาศแบบ HEPA Filter
เครื่องฟอกอากาศแบบ Ionizer
เครื่องฟอกอากาศ Bwell (HEPA + Activated Carbon +UV+PCO):