เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier
เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier
Showing all 6 results
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส
เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier
เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier
เครื่องฟอกอากาศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Air Purifier หรือ Air Cleaner เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อกรองอากาศภายในห้องหรือพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีหน้าที่หลักในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อให้อากาศสะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น
ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศ
ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม
คำแนะนำในการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
การใช้งานเครื่องฟอกอากาศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ใช้งานควรตั้งค่าและเลือกโหมดการทำงานให้เหมาะสม โดยพิจารณาตามสภาพแวดล้อมในการใช้งานร่วมด้วย เช่น โหมดอัตโนมัติที่ปรับระดับการทำงานตามคุณภาพอากาศ หรือโหมดเงียบสำหรับการนอนหลับ รวมถึงการตรวจสอบและเปลี่ยนแผ่นกรองเป็นประจำก็เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ
การดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศ
ผู้ใช้งานควรทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศทั้งภายในและภายนอก โดยให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นและคราบสกปรกจากตัวเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความสะอาดและความสวยงามของเครื่อง และควรทำความสะอาดแผ่นกรองชั้นนอกทุก ๆ 2 สัปดาห์ หากใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นกำจัดฝุ่นหยาบ และหลีกเลี่ยงการใช้แปรงหรือเครื่องมือที่อาจทำให้เส้นใยเสียหาย ที่สำคัญ อย่าลืมเปลี่ยนแผ่นกรอง HEPA และแผ่นกรองคาร์บอนเมื่อใช้งานครบกำหนดระยะเวลาด้วย โดยควรเปลี่ยนทุก 6 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและประสิทธิภาพที่ลดลง แผ่นกรองชั้นนอกสามารถทำความสะอาดได้ แต่แผ่นกรอง HEPA ควรทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นเท่านั้น
โดยทั่วไป แผ่นกรองเครื่องฟอกอากาศ HEPA ควรเปลี่ยนทุก ๆ 6 ถึง 12 เดือน แผ่นกรองคาร์บอนควรเปลี่ยนทุกปี รวมถึงแผ่นกรองชั้นนอกควรถอดทำความสะอาดทุก ๆ 2 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละวันด้วย ผู้ใช้งานสามารถสังเกตจากสัญญาณแจ้งเตือนให้เปลี่ยนแผ่นกรองจากสัญลักษณ์เตือนบนเครื่องฟอกอากาศได้เช่นกัน
ประเภทของเครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศมีหลายประเภทตามเทคโนโลยีการกรองอากาศ แต่หลัก ๆ มีดังนี้:
เครื่องฟอกอากาศแบบ HEPA Filter เป็นหนึ่งในประเภทที่นิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืด เนื่องจากสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน โดยมีประสิทธิภาพในการกรองอย่างน้อย 99.97 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรวมถึงฝุ่น PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย และไวรัส HEPA Filter มีหลายเกรด เช่น H12 H13 และ H14 โดยเกรดที่สูงขึ้นจะมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาดเล็กมากขึ้น นอกจากนี้ HEPA Filter ยังใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาดสูง ตามโรงพยาบาลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
เครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้สำหรับดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารเคมีในอากาศ เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร และกลิ่นอับชื้น แผ่นกรองคาร์บอนมักใช้ร่วมกับแผ่นกรอง HEPA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นและสารเคมี เหมาะสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือมีปัญหากลิ่นรบกวน
เครื่องฟอกอากาศที่ใช้แสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสในอากาศ เทคโนโลยีนี้มักใช้ร่วมกับแผ่นกรอง HEPA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค
เครื่องฟอกอากาศประเภทที่ปล่อยประจุลบ เพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็กในอากาศ ทำให้อนุภาคเหล่านั้นตกลงสู่พื้น แต่ก็มีข้อเสียที่ผู้ใช้งานอาจต้องทำความสะอาดพื้นและเฟอร์นิเจอร์บ่อยขึ้น และต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ไม่ปล่อยโอโซนมากเกินไป เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน
เครื่องฟอกอากาศที่ใช้โอโซนในการฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่น แต่ควรใช้หลังจากที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง เนื่องจากโอโซนอาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจหากใช้ในปริมาณที่สูงเกินไป
เครื่องฟอกอากาศที่ผสมผสานเทคโนโลยีหลายแบบเข้าด้วยกัน ทั้ง HEPA Activated Carbon และ UV เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการกรองอากาศ โดย HEPA จะช่วยกรองฝุ่น Activated Carbon ช่วยดูดซับกลิ่น และ UV ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส เพื่อให้การฟอกอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด
เครื่องฟอกอากาศเหมาะกับใคร?
เครื่องฟอกอากาศเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการอากาศสะอาดขึ้น แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนต่อไปนี้
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
การเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ที่เหมาะสม คือเปิดเมื่อคุณภาพอากาศไม่ดี เช่น มีฝุ่นละออง PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน หรือเมื่อมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร หรือกลิ่นอับชื้น เมื่อมีสัตว์เลี้ยงที่อาจก่อให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงในช่วงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่มีละอองเกสรดอกไม้มากขึ้น หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหอบหืด การเปิดเครื่องฟอกอากาศจะสามารถช่วยลดอาการภูมิแพ้ให้กับคนที่คุณรักได้ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศตลอดทั้งวัน แต่ในกรณีที่หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีมลภาวะสูงหรือมีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง การเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอดทั้งวันจะช่วยให้อากาศสะอาดและปลอดภัยต่อทุกคนในครอบครัว อย่างไรก็ตาม หากไม่มีใครอยู่ในห้อง ควรปิดเครื่องฟอกอากาศเพื่อประหยัดพลังงานในการใช้งาน
พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับวางเครื่องฟอกอากาศ คือพื้นที่โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง ควรห่างจากผนังและมุมห้องอย่างน้อย 20 ถึง 30 เซนติเมตร และสูงจากพื้นประมาณ 3 ถึง 5 ฟุต เพื่อให้อากาศไหลเวียนของอากาศสะดวก และช่วยให้เครื่องฟอกอากาศสามารถดูดอากาศโดยรอบได้ครอบคลุมมากที่สุด
หากต้องการ แก้ปัญหาฝุ่นในอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 ไรฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA-13 (High-Efficiency Particulate Air) เนื่องจากสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องฟอกอากาศแบบ HEPA Filter
เครื่องฟอกอากาศแบบ Ionizer
เครื่องฟอกอากาศ Bwell (HEPA + Activated Carbon +UV+PCO):