“เครื่องฟอกอากาศ” กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยทำให้อากาศในบ้านสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น หลายแบรนด์ ต่างก็เพิ่มฟังก์ชันที่น่าสนใจอีกมากมาย ปัจจุบันจึงมีเครื่องฟอกอากาศหลากหลายขนาดให้เลือก เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุก ๆ สถานที่ มีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น ใครที่กำลังสนใจจะสั่งซื้อจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลของสินค้าให้ดีก่อน
บทความนี้เราจะมารีวิว 3 เครื่องฟอกอากาศ Bwell เพื่อช่วยให้คุณเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์ของตนเองได้มากที่สุด
เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศอย่างไรดี?
ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ Bwell ควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ก่อนว่าตอบโจทย์ความต้องการของคุณหรือไม่?
1. การใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ ดังนี้
- เครื่องฟอกอากาศตั้งโต๊ะ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น เป็นต้น
- เครื่องฟอกอากาศตั้งพื้น เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น ห้องทำงาน ห้องรับแขก เป็นต้น
- เครื่องฟอกอากาศสำหรับรถยนต์ เหมาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์
- เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา เหมาะสำหรับการใช้งานนอกสถานที่ เช่น พกพาไปทำงาน ไปโรงเรียน เป็นต้น
2. ระบบกรองอากาศ
เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะมีระบบกรองอากาศที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของคุณ ดังนี้
- ระบบกรอง HEPA เป็นระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ
- ระบบกรองคาร์บอน เป็นระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี และสารมลพิษที่เป็นก๊าซ เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศสูงหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ระบบกรองไอออนลบ เป็นระบบกรองอากาศที่ปล่อยไอออนลบออกมา เพื่อจับฝุ่นละอองและเชื้อโรคให้ตกลงสู่พื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้อากาศบริสุทธิ์และสะอาด
- ระบบกรอง UV เป็นระบบกรองอากาศที่ปล่อยรังสี UV มาฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้อากาศบริสุทธิ์และปราศจากเชื้อโรค
3. อัตราสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR)
CADR (Clean Air Delivery Rate) เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการฟอกอากาศของเครื่องฟอกอากาศ โดยค่า CADR ยิ่งสูง ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว พื้นที่ห้อง 10 ตารางเมตร ควรใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR อยู่ที่ 200 ตารางเมตรต่อชั่วโมง
4. ระดับเสียงขณะทำงาน
ระดับเสียงขณะทำงานของเครื่องฟอกอากาศเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณา เพราะส่งผลต่อการพักผ่อนหรือการทำงานได้ โดยทั่วไปแล้ว ระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล ซึ่งเทียบเท่ากับเสียงกระซิบ
5. ราคาและความคุ้มค่า
นอกจากราคาแล้ว ควรพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าด้วยเช่นกัน บางยี่ห้ออาจมีราคาสูง แต่หากหารเฉลี่ยกับจำนวนปีที่ใช้งานแล้ว อาจคุ้มกว่าบางยี่ห้อที่ราคาถูก แต่อายุการใช้งานสั้นก็ได้
รีวิว 3 เครื่องฟอกอากาศ Bwell คุณภาพสูง ใช้งานง่าย กรองอากาศได้ดี
หลายคนอาจสงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศ bwell ดีไหม? ควรซื้ออันไหนดี? โดยในหัวข้อนี้เราจะมารีวิว 3 เครื่องฟอกอากาศ Bwell ซึ่งเป็นเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง รับรองว่าทุกรุ่นที่เรานำมาต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน
1. เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-M1536S
เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-M1536S มาพร้อมคุณสมบัติครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี ในราคาที่จับต้องได้ โดยมีจุดเด่นต่างๆ มากมาย เช่น ระบบฟอกอากาศ 3 ขั้นตอน ซึ่งประกอบด้วยการกรองอนุภาคฝุ่นละอองขนาดใหญ่ การกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก และระบบกรองกลิ่น
อีกทั้งเครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่นนี้ยังมีประสิทธิภาพการกรองสูง และมีระบบ Auto ตรวจจับมลพิษและปรับการทำงานอัตโนมัติด้วย โดยเครื่องฟอกอากาศนี้มีราคาเพียง 6,990 บาทเท่านั้น
2. เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-H2219S
เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 รุ่น AP-H2219S เหมาะสำหรับห้องขนาด 60 ตารางเมตร มาพร้อมคุณสมบัติมากมาย ใช้งานสะดวก และคุ้มค่ากับราคา ดังนี้
- ระบบฟอกอากาศ 3 ขั้นตอน มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสร และกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ประสิทธิภาพการกรองสูง ค่า CADR Pollen 620 m3/hr ค่า CADR Dust 500 m3/hr ค่า CADR Smoke 475 m3/hr
- มี Pollution Sensor แสดงค่า PM2.5 เป็นตัวเลขและสี
- มีระบบ Auto ตรวจจับมลพิษและปรับการทำงานอัตโนมัติ
- ปรับความแรงลมได้ 4 ระดับ low/medium/high/turbo
โดยเครื่องฟอกอากาศ Bwell นี้มีราคาอยู่ที่ 9,990 บาท
3. เครื่องฟอกอากาศกำจัดไวรัส รุ่น AP-8119US
เครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่น AP-8119US เป็นอีกหนึ่งเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกำจัดไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพ มีขนาดเล็กเหมาะสำหรับห้องขนาด 10-30 ตารางเมตร ซึ่งสามารถทำการฟอกอากาศได้ใน 6 ขั้นตอน โดยมาพร้อมแผ่นกรองจับอนุภาคฝุ่นละอองและกลิ่นไม่พึงประสงค์
นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังมี Pollution Sensor ที่แสดงค่า PM2.5 เป็นตัวเลข และระบบ Auto ในการตรวจจับมลพิษอัตโนมัติ รวมถึงการกำจัดเชื้อไวรัสในอากาศด้วยแสง UV-C
อีกทั้งคุณสามารถควบคุมเครื่องผ่าน Touch Panel และเชื่อมต่อผ่าน Wifi เพื่อควบคุมการทำงานผ่านแอพ Smartlife ทำให้การใช้งานเป็นเรื่องง่าย สามารถปรับความแรงลมของเครื่องได้ 4 ระดับ ได้แก่ low/medium/high/turbo
โดยเครื่องฟอกอากาศ Bwell นี้มีราคาอยู่ที่ 11,990 บาท
ในปัจจุบันมลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหามลพิษทางอากาศสูง โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จึงเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจ เพราะสามารถเข้าไปสะสมในปอด และทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้
ด้วยเหตุนี้เอง เครื่องฟอกอากาศจึงกลายเป็นหนึ่งในไอเทมที่ทุกบ้านควรมีติดไว้ เพื่อช่วยกรองอากาศให้บริสุทธิ์ตลอดทั้งวัน